ประวัติ และ ความเป็นมา

รู้จักจันทบุรี

           จังหวัดจันทบุรีเป็นเมืองหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดชายทะเลฝั่งตะวันออก อันประกอบด้วย จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี และจ.ตราด เป็นจังหวัดที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่เกือบครึ่งของจังหวัดปกคลุมด้วยผืนป่าที่ชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ เป็นที่ตั้งของน้ำตกน้อยใหญ่ เช่น น้ำตกพลิ้ว น้ำตกเขาสอยดาว น้ำตกกระทิง น้ำตกตรอกนอง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและเกาะเล็กๆอีกหลายแห่ง ทั้งมีสินค้าพื้นเมืองขึ้นชื่อหลายอย่าง ได้แก่ ผลไม้ อัญมณี เสื่อจันทบูร ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ และเครื่องเทศต่างๆ โดยเฉพาะพริกไทยที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพริกไทยที่ดีที่สุดของประเทศ จันทบุรีเป็นเมืองโบราณตั้งแต่ยุคขอม      เรื่องอำนาจ ในสมัยอยุธยามีฐานะเป็นหัวเมืองการค้าทางทะเล อยู่ในเส้นทางเดินเรือ ยุคการค้าเฟื่องฟู ดังพบหลักฐานซากเรือบรรทุกสินค้าจำพวกเครื่องถ้วยชามจำนวนมากในน่านน้ำอ่าวไทย

            เมืองจันทบุรีมีกลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาตั้งถิ่นฐานทั้งชาวจีนที่เข้ามาทำการค้า ชาวญวนที่อพยพหนีภัยสงครามมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และชาวชองซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเดิม ก่อให้เกิดผสมผสานทางวัฒนธรรมจนเป็นเอกลักษณ์ด้วยสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น มีฝนตกชุก ประกอบกับผืนดินอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุจากดินตะกอนปากแม่น้ำ จันทบุรีจึงปลูกผลไม้และพืชไร่หลายชนิดได้ผลดี เช่น เงาะ มังคุด ทุเรียน ยางพารา พริก มันสำปะหลัง จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้จังหวัดจันทบุรี

            ในอดีตจันทบุรีเคยเป็นแหล่งอัญมณีแหล่งใหญ่ คนเมืองจันท์จึงมีความชำนาญในการเจียระไนพลอย และทำเครื่องประดับได้อย่างสวยงาม ส่งผลให้อัญมณีเป็นสินค้าหัตถกรรมที่มีชื่อเช่นเดียวกับเสื่อจันทบูร ซึ่งกลุ่มชาวญวนเป็นผู้บุกเบิกการทอ แล้วมีการประยุกต์รูปแบบให้ทันสมัยเป็นที่ต้องการของตลาดยิ่งขึ้นในปัจจุบัน เสื่อจันทบูรจึงเป็นของฝากที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อเป็นอันดับต้นๆด้วยอาหารการกิน นอกเหนือจากอาหารทะเลสด จันทบุรียังโดดเด่นด้วยอาหารพื้นบ้านที่ใส่เครื่องเทศรสร้อนแรงพวกกระวาน กานพลู ขมิ้น เร่ว ฯ ผลไม้รสเลิศนานาชนิดก็เป็นของกินที่นักท่องเที่ยวติดอกติดใจ ปัจจุบันสวนหลายแห่งจึงเปิดให้เข้าชมและชิมผลไม้จากต้นกันเลย นับเป็นเสน่ห์ทางการท่องเที่ยวที่สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือน

             สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดจันทบุรี เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 1 เมษายน  2540 เป็นหน่วยงานในสังกัดกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกระทรวงยุติธรรม มีผู้อำนวยการสถานพินิจฯเป็นผู้บังคับบัญชามีภารกิจด้านการสืบเสาะ ประมวลข้อเท็จจริงคดีอาญา คดีครอบครัว กำกับดูแล รักษาทรัพย์สินและสิทธิประโยชน์ของผู้เยาว์ตามคำสั่งศาล ดำเนินการด้านการควบคุม ดูแล บำบัด แก้ไข ฟื้นฟู ป้องกัน พัฒนาพฤตินิสัย และสงเคราะห์เด็กและเยาวชน รวมถึงประสานความร่วมมือด้านกิจกรรมชุมชนกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อการพิทักษ์และคุ้มครองสิทธิเด็กและเพื่อให้กลับตนเป็นพลเมืองดี

            ในปัจจุบันสถานพินิจฯ มีบุคลากร เจ้าหน้าที่จำนวนทั้งสิ้น 43 คน แบ่งเป็นข้าราชการ 13 คน พนักงานราชการ 9 คน ลูกจ้างประจำ 16 คน และจ้างเหมาบริการ 3 คน

โครงสร้างการบริหารงานของสถานพินิจ แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้

            1) ส่วนอำนวยการและการจัดการ มีหน้าที่รับผิดชอบงานธุรการ งานสารบรรณ งานการเงิน บัญชี พัสดุ และด้านบุคลากรของสำนักงาน ตลอดจนปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

           2) ส่วนคดี มีหน้าที่ด้านการสืบเสาะ ประมวลข้อเท็จจริงคดีอาญา คดีครอบครัว กำกับดูแล รักษาทรัพย์สินและสิทธิประโยชน์ของผู้เยาว์ตามคำสั่งศาล

           3) สถานแรกรับเด็กและเยาวชน มีหน้าที่ด้านการควบคุม ดูแล บำบัด แก้ไข ฟื้นฟู ป้องกัน พัฒนาพฤตินิสัย และสงเคราะห์เด็กและเยาวชน โดยมีนักวิชาชีพต่างๆ ได้แก่ นักจิตวิทยา พยาบาลวิชาชีพ นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพ เป็นต้น อีกทั้งมีการประสานความร่วมมือด้านกิจกรรมชุมชนกับหน่วยงานอื่นๆ โดยมีโครงสร้าง แบ่งเป็น

        - ส่วนป้องกัน สงเคราะห์ และประสานเครือข่าย

        - ส่วนพัฒนาพฤตินิสัย โดยมีฝ่ายอภิบาลและการพินิจ ฝ่ายการศึกษาและอาชีพ

        - ส่วนแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู

            การจัดกิจกรรมและโครงการของสถานพินิจที่สำคัญและมีประจำทุกปี ได้แก่ โครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โครงการสถานศึกษา โครงการชินสาสมาธิ โครงการร้องเต้น ยกทีม BY TO BE NUMBER ONE โครงการกีฬาสัมพันธ์ต้านภัยยาเสพติด โครงการวันไหว้ครู โครงการสอนทำขนมไทย โครงการตามวันสำคัญทางศาสนา โครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เป็นต้น