กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน "พินิจด้วยรัก พิทักษ์ด้วยใจ"

เวียนเทียนตะคันเมืองโบราณสุโขทัย เนื่องในวันวิสาขบูชา

หากใครมีแผนมาเที่ยวจ.สุโขทัย ช่วง 2-3 มิถุนายนนี้ พบกับกิจกรรมเวียนเทียนตะคันเมืองโบราณสุโขทัย เนื่องในวันวิสาขบูชา ณ วัดช้างล้อม อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งแต่ เวลา16.00 น. - 21.00 น. พบกับกิจกรรมมากมายจาก ททท.ภายในงานนักท่องเที่ยว ร่วมกิจกรรมรับของที่ระลึก (ปักหมุด เพจ ททท.สำนักงานสุโขทัย : TAT Sukhothai Office ติดตามรายละเอียดการร่วมสนุกรอไว้ได้เลย)

(อ่านเพิ่ม)

Cyanide สารอันตราย ความเสี่ยง และวิธีการรับมือ “ไซยาไนด์” คืออะไร อันตรายแค่ไหน? เราจะมีวิธีป้องกันตนเองอย่างไรไม่ให้รับสารพิษนี้?

ไซยาไนด์ (Cyanide) คือ สารเคมีอันตรายที่ออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว เป็นกลุ่มของสารเคมีที่มีไซยาไนด์ไอออน (CN-) เป็นองค์ประกอบ สารเคมีกลุ่มนี้มีความเป็นพิษสูงมาก เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของเซลล์จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต อาการของคนที่ถูกพิษจากไซยาไนด์ - ผู้ป่วยมักจะเริ่มปรากฏมีอาการหลังจากได้ไซยาไนด์ในเวลาสั้นๆ - เริ่มจากปวดศีรษะ ใจสั่น หน้าแดง หมดสติ ชัก และอาจจะเสียชีวิตภายในเวลา 10 นาที - ในรายที่รุนแรงน้อยกว่า จะกดการทำงานของระบบประสาทและการหายใจ ภาวะเป็นกรดในเลือดจะปรากฏให้เห็นในเวลาต่อมา ตรวจร่างกายพบผู้ป่วยตัวแดง สีบริเวณเยื่อบุแดงคล้ายคนปกติ ถึงแม้ว่าผู้ป่วยหยุดหายใจก็ตาม หากสัมผัสกับ ไซยาไนด์ ควรรับมืออย่างไร? การสัมผัสทางผิวหนัง - หากร่างกายสัมผัสกับ ไซยาไนด์ ให้ถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนออกด้วยการใช้กรรไกรตัดเสื้อผ้าออกเป็นชิ้น ๆ และนำออกจากลำตัว - วิธีนี้จะช่วยให้เสื้อผ้าที่ปนเปื้อนไม่ไปสัมผัสกับผิวหนังส่วนอื่น เช่น ศีรษะ และไม่ควรให้ผู้อื่นสัมผัสร่างกายหรือเสื้อผ้าโดยตรง เพราะอาจได้รับพิษไปด้วย - ทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำและสบู่เพื่อลดปริมาณสารพิษให้ได้มากที่สุด ก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาล การสูดดมและรับประทาน - หากสูดดมอากาศที่มีไซยาไนด์ปนเปื้อนควรออกจากพื้นที่บริเวณนั้น - หากไม่สามารถออกจากสถานที่ได้ควรก้มต่ำลงบนพื้น - ในกรณีที่ผู้ป่วยหายใจลำบากหรือหยุดหายใจ ต้องทำ CPR เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ห้ามใช้วิธีเป่าปากหรือวิธีผายปอดเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับพิษ การสัมผัสทางดวงตา - ควรถอดแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ออก - ใช้น้ำสะอาดล้างตาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 10 นาที และไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจ วิธีหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับไซยาไนด์ - งดสูบบุหรี่ - เก็บภาชนะที่บรรจุสารเคมีภายในบ้านให้มิดชิดและเหมาะสม - ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ควรใช้ภาชนะรองรับสารเคมีที่มีขนาดเล็กที่สุด ซึ่งอาจช่วยให้ได้รับสารพิษน้อยลงหากเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงลดโอกาสการสัมผัสและการสูดดมลงด้วย - ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ไม่ควรนำเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ที่อาจปนเปื้อนไซยาไนด์ออกนอกสถานที่ทำงานหรือนำกลับบ้าน - ติดตั้งเครื่องดักจับควัน เนื่องจากไซยาไนด์อาจมาในรูปแบบของควันได้ - สวมอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งเมื่อต้องทำงานกับสารเคมี หรือต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนของไซยาไนด์ - ผู้ที่มีความเสี่ยงได้รับสารพิษสูง เช่น เกษตรกร ช่างเหล็ก ช่างทอง พนักงานที่อยู่ในกระบวนการการผลิตกระดาษ สิ่งทอ ยาง และพลาสติก ผู้ที่ทำงานกำจัดแมลง เป็นต้น ควรไปพบแพทย์และเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ

(อ่านเพิ่ม)

รวมวันหยุดเดือน พฤษภาคม 2566 มาดูกันหยุดวันไหนบ้าง ?

📆วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 : วันแรงงาน (หยุดเฉพาะเอกชน/รัฐวิสาหกิจ) 📆 วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม 2566 : วันฉัตรมงคล 📆 วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2566 : วันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ 📆 วันพุธที่ 17 พฤษภาคม 2566 : วันพืชมงคล อย่าลืมเช็กวันหยุดเดือนพฤษภาคม 2566 กันเผื่อว่าใครหลายคนจะวางแผนท่องเที่ยว หรือเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดกันอีกครั้ง ------------------------------------------------- 🎯Website : www.prd.go.th 🎯Facebook/Twitter : กรมประชาสัมพันธ์ 🎯YouTube : PRD กรมประชาสัมพันธ์

(อ่านเพิ่ม)

หลักฐานแสดงตน ในการลงคะแนนเลือกตั้ง

ก่อนเดินทางไปเลือกตั้ง ตรวจสอบเอกสารประจำตัว ที่จำเป็นต้องใช้เป็นหลักฐานแสดงตนในการลงคะแนนเลือกตั้งที่จำเป็นต้องมี คือ บัตรประจำตัวประชาชน แม้จะหมดอายุก็ใช้ได้ หรือ สามารถใช้บัตรที่เปิดผ่านแอปพลิเคชันก็ได้ แต่เน้นว่าต้องเป็นแอปพลิเคชันของหน่วยงานรัฐ ตามที่กฎหมายกำหนด . นอกจากนี้ยังสามารถใช้บัตรหรือหลักฐานอื่นที่หน่วยงานของรัฐออกให้ ที่มีรูปถ่ายและ มีเลขบัตรประจำตัวประชาชน เช่น บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) . อย่าลืม! ใช้สิทธิเลือกตั้ง เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 เวลา 08.00-17.00 น. สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Add Friends (เพิ่มเพื่อน) เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2566 ได้ที่ LINE Official Account : ECT Thailand https://lin.ee/jETxaeu #เลือกคนที่รักเลือกพรรคที่ชอบ #ไทยโหวตคนไทยพร้อมใช้สิทธิ #14พฤษภา66 #เลือกตั้ง2566

(อ่านเพิ่ม)

ตร.เตือน 6 ข้อกฎหมายเลือกตั้ง ที่ประชาชนทำผิดบ่อยครั้ง

ศูนย์รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) ประชาสัมพันธ์ 6 ข้อกฎหมาย ที่พบว่าประชาชนมักทำผิดในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทำผิดในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อเป็นการแจ้งเตือนประชาชนไม่ให้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ตลอดจนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าใจถึงข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่จะต้องใช้ในการดูแลรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในการจัดการเลือกตั้งนี้ ซึ่งข้อกฎหมายที่สำคัญๆ มีดังนี้ 1. การนำบัตรเลือกตั้งออกไปจากที่เลือกตั้ง : มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 10 ปี 2. การนำเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดถ่ายภาพบัตร เลือกตั้งที่ตนได้ลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว : มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไมเกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3. การเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อลงคะแนนหรืองดเว้นไม่ลงคะแนน : มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปีหรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 10 ปี 4. จงใจกระทำด้วยประการใดๆ ให้บัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียหายหรือให้เป็นบัตรเสียหรือกระทำด้วยประการใด ๆ แก่บัตรเสียเพื่อให้เป็นบัตรที่ใช้ได้ : มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกิน 100,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธัเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 10 ปี 5. กรณีเผา ฉีก ทำลาย ทำให้เสียหาย : มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 6. กรณีปลดป้ายหาเสียงไป : มีความผิดฐานลักทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนไม่ได้รับความสะดวก หรือพบเห็นการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือ1599 หรือ สายด่วน กกต.1444 หรือสถานีตำรวจในพื้นที่ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมที่จะดูแล บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชนในทุกภารกิจ

(อ่านเพิ่ม)

เช็ก 16 อาการป่วยเล็กน้อย ใช้สิทธิบัตรทองรับยาฟรี ที่ร้านขายยา สิทธิบัตรทอง ป่วยเล็กน้อย 16 อาการ รับยาฟรี ได้ที่ร้านขายยาร่วมโครงการทั่วประเทศ เภสัชดูแลอาการต่อเนื่อง 3 วัน

ปัญหาของผู้ใช้สิทธิบัตรทอง หรือ บัตร 30 บาท ในอดีตเมื่อเจ็บป่วย ไม่สบาย ต้องการรับยาตามสิทธิ ก็จำเป็นต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลตามสิทธิ และต้องรอคิวเป็นเวลานาน แต่ในปัจจุบันสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้มีโครงการ 'บริการเภสัชกรรมปฐมภูมิ' เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้มีสิทธิบัตรทอง กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย ใน 16 กลุ่มอาการ สามารถเข้าร้านยาที่ติดสติกเกอร์ด้านหน้า 'ร้านยาคุณภาพของฉัน' เพื่อขอรับคำปรึกษา และรับยาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เปิด 3 ทางเลือกง่าย ๆ ดังนี้ 1. คนไข้ติดต่อไปยัง สปสช. ผ่านสายด่วน สปสช. 1330 จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำให้รับบริการที่ร้านยาชุมชนอบอุ่นใกล้บ้าน 2. ดูรายชื่อร้านยาใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการได้ที่เว็บไซต์ สปสช. www.nhso.go.th 3. สังเกตสติกเกอร์ติดหน้าร้านยา ภายใต้ชื่อ “ร้านยาคุณภาพของฉัน” ภาวะเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มอาการ ที่สามารถรับยาฟรี ที่ร้านยาในโครงการ 1.อาการปวดหัว เวียนหัว 2.ปวดข้อ 3.เจ็บกล้ามเนื้อ 4.มีไข้ ไอ 5.เจ็บคอ 6.ปวดท้อง 7.ท้องเสีย 8.ท้องผูก 9.ถ่ายปัสสาวะขัด 10.ปัสสาวะลำบาก 11.ปัสสาวะเจ็บ 12.ตกขาวผิดปกติ 13.อาการทางผิวหนัง ผื่น คัน 14.บาดแผล 15.ความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตา 16.ความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับหู ทั้งนี้ เมื่อผู้ป่วยมาที่ร้านยา เภสัชกรจะคัดกรองคนไข้ก่อนว่ามีสิทธิหรือไม่ หากมีสิทธิจึงสามารถได้รับยาฟรี โดยเภสัชกร จะให้คำแนะนำ และให้ยารักษาตามอาการ โดยเภสัชกรจะติดตามอาการของผู้ป่วยในวันที่ 3 ของการจ่ายยา หากอาการดีขึ้นก็จะสิ้นสุดการดูแล แต่หากอาการแย่ลงหรือมีการเปลี่ยนแปลง จะมีระบบการจัดการเพื่อส่งต่อเข้าสู่การรักษาต่อไป

(อ่านเพิ่ม)

ตรวจสอบรายละเอียดผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทางแอปพลิเคชัน Smart Vote

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอแนะนำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ตรวจสอบรายละเอียดผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทางแอปพลิเคชัน Smart Vote โดยสามารถตรวจสอบด้วยตนเองได้ตลอด 24 ชั่วโมง

(อ่านเพิ่ม)

ปฏิทินเลือกตั้ง ส.ส. ประจำปี 2566

เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนจะถึงวันเลือกตั้ง ส.ส. 2566 ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ ก่อนถึงวันเลือกตั้ง ศึกษาข้อมูลผู้สมัครและพรรคการเมืองผ่าน แอปพลิเคชัน Smart Vote หรือหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน การเพิ่มชื่อ-ถอนชื่อ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง รวมทั้งการแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิหากมีกิจธุระจำเป็น ไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ตามระยะเวลาและช่องทางที่กฎหมายกำหนด สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า อย่าลืมไปใช้สิทธิในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เวลา 08.00 -17.00 น. และผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าอย่าลืมเดินทางไปใช้สิทธิในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งwww.ect.go.th หรือ Add Friends (เพิ่มเพื่อน) เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2566 ได้ที่ LINE Official Account : ECT Thailand https://lin.ee/jETxaeu #เลือกคนที่รักเลือกพรรคที่ชอบ #ไทยโหวตคนไทยพร้อมใช้สิทธิ #14พฤษภา66 #เลือกตั้ง2566

(อ่านเพิ่ม)

ทำความรู้จัก ‘ESS Help Me’ ปักหมุด หยุดเหตุ บริการแจ้งเหตุฉุกเฉินทางสังคมรูปแบบใหม่✨️

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกองทุนเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พัฒนาระบบแจ้งเหตุทางสังคมรูปแบบใหม่ ESS Help Me (Emergency Social Services) ให้สามารถใช้งานได้ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ แจ้งได้ 24 ชั่วโมง เพื่อความสะดวก และรวดเร็ว โดยสามารถแชร์พิกัดจุดเกิดเหตุเพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าให้ความช่วยเหลือได้อย่างแม่นยำ ติดตามการช่วยเหลือได้ทันที เหตุฉุกเฉินใดบ้างที่สามารถแจ้ง ESS Help Me ได้ ? 1. ข่มขู่ว่าจะทำร้าย หรือโดนทำร้ายร่างกาย 2. กักขังหน่วงเหนี่ยว 3. เสี่ยงถูกล่วงละเมิดทางเพศ 4. ผู้คลุ้มคลั่งก่อให้เกิดเหตุร้าย 5. มั่วสุม จนก่อให้เกิดเหตุร้าย วิธีการใช้ ESS Help me - กดเพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ในช่องค้นหา @esshelpme หลังจากนั้นก็สามารถดำเนินการแจ้งเหตุได้ด้วย 3 ขั้นตอนง่าย ๆ คือ 1) กดปุ่มแจ้งเหตุด่วน 2) แจ้งตำแหน่งเกิดเหตุ 3) กรอกเบอร์ติดต่อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ เมื่อดำเนินการแจ้งเหตุครบทั้ง 3 ขั้นตอน ระบบจะส่งข้อมูลไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด พร้อมแจ้งข้อความมายังผู้แจ้งเหตุ และเมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบแล้ว ระบบจะแจ้งเตือนสถานะการรับทราบมายังผู้แจ้งเหตุอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ขอย้ำเตือนประชาชนให้ใช้ระบบแจ้งเหตุตามความเป็นจริง อย่าเข้าใช้ระบบเพื่อก่อกวนเจ้าหน้าที่เพื่อความสนุกสนานหรือคึกคะนอง เพราะนอกจากจะกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จนส่งผลต่อการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีความเดือดร้อนจริงแล้ว การแจ้งเหตุอันเป็นเท็จโดยเจตนา จะถูกตั้งข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 384 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับได้

(อ่านเพิ่ม)

รู้จักกันแน่นะวิ ! ระวังมิจฉาชีพปลอมไลน์ อ้างเป็นคนรู้จัก หลอกให้โอนเงิน ตำรวจไซเบอร์เตือนประชาชน ระมัดระวังมิจฉาชีพปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์เป็นบุคคลที่รู้จัก สร้างโปรไฟล์ปลอมมาพูดคุย หลอกให้เหยื่อโอนเงินให้ ทำให้สูญเงินจำนวนหลายแสนบาท

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ ฝากเตือนประชาชน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีผู้เสียหาย ซึ่งเป็นภรรยาของนักร้องเพลงร็อกชื่อดัง ถูกมิจฉาชีพใช้บัญชีไลน์ปลอมของบุตรชายติดต่อเข้ามาพูดคุย สร้างความน่าเชื่อถือโดยการใช้ชื่อบัญชี ภาพโปรไฟล์ปลอม ใช้ความรัก และคำพูดที่ดูน่าสงสาร เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้เชื่อว่า เป็นบุตรชายของตนจริง กระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อรีบโอนเงินให้มิจฉาชีพจำนวนหลายแสนบาท ต่อมาทราบว่าถูกหลอกลวงจึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย สถิติความเสียหายรวมมากกว่า 312 ล้านบาท บช.สอท. ได้เปิดเผยรายงานสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 65 – 16 เม.ย. 66 พบว่า การหลอกลวงเป็นบุคคลอื่น เพื่อยืมเงินนั้น มีประชาชนแจ้งความร้องทุกข์กว่า 8,342 เรื่อง หรือคิดเป็น 3.48% ของจำนวนเรื่องการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 312 ล้านบาท สุ่มโทรหาเหยื่อ สวมรอยเป็นบุคคลที่รู้จัก หลอกลวงให้โอนเงิน นอกจากการปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อหลอกลวงประชาชนในลักษณะดังกล่าวแล้ว มิจฉาชีพยังใช้วิธีการสุ่มโทรศัพท์หาเหยื่อ โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ได้จากการค้นหาผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น Whoscall, Get Contact เป็นต้น เริ่มจากการถามไถ่ว่า เหยื่อเป็นอย่างไรบ้าง รู้หรือไม่ว่าผู้ใดโทรมา เพื่อหลอกลวงให้เหยื่อพูดชื่อของบุคคลนั้นออกมาแล้วทำการสวมรอยทันที โดยอ้างว่าได้เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ ขอให้เหยื่อลบหมายเลขเดิมแล้วบันทึกเบอร์ดังกล่าวเอาไว้ ต่อมามิจฉาชีพจะโทรศัพท์หาเหยื่ออีกครั้ง เพื่อขอยืมเงินอ้างเหตุผลต่าง ๆ เช่น ต้องใช้เงินด่วนไม่ได้เอาเงินมา บิดามารดาเจ็บป่วย เพื่อขอยืมเงินจากเหยื่อ และสัญญาจะคืนให้ในเวลาไม่นาน สุดท้ายก็หลบหนีไป ฉะนั้นไม่ว่าจะทำธุรกรรมการเงินใด ๆ ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ และมีสติอยู่เสมอ แนวทางการป้องกันการถูกหลอกลวงปลอมเป็นบุคคลอื่น เพื่อหลอกยืมเงิน 1. ตรวจสอบก่อนว่า เป็นบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของบุคคลนั้นจริงหรือไม่ โดยการตรวจสอบประวัติการสนทนาที่ผ่านมา 2. หากเป็นกรณีการเพิ่มเพื่อนใหม่ ควรตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่เชื่อเพียงเพราะว่า ใช้ชื่อบัญชี และรูปโปรไฟล์เหมือนบุคคลนั้น 3. เมื่อรับสายโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย แล้วถูกผู้ที่โทรมาสอบถามว่า รู้หรือไม่ว่าเป็นใคร ให้วางสายยุติการสนทนาทันที ห้ามกระทำตามที่ผู้นั้นบอกเด็ดขาด 4. เมื่อมีการขอให้โอนเงินไปให้ โดยการอ้างเหตุผลความจำเป็นต่าง ๆ ต้องทำการยืนยันตัวบุคคลนั้นก่อน โดยโทรศัพท์ไปหาโดยตรง แล้ววิดีโอคอลขอให้เปิดกล้องโทรศัพท์ เพื่อให้เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน 5. อย่าได้เกรงใจ หรือสงสารบุคคลนั้น แล้วไม่กล้าโทรศัพท์ หรือขอเปิดกล้องเพื่อยืนยันตัวตน ซึ่งหากบุคคลที่ทักมาขอยืมเงินเป็นคนที่เรารู้จักจริง ก็ต้องยินยอมให้ยืนยันตัวตน 6. หากบัญชีธนาคารที่รับโอนเงิน ชื่อเจ้าของบัญชีธนาคารไม่ตรงกับบุคคลที่เราจะโอนเงินไปให้ สันนิษฐานได้ว่า เป็นมิจฉาชีพแน่นอน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอ้างว่า เป็นบัญชีของผู้ใดก็ตาม 7. หากท่านตกเป็นเหยื่อ หลงเชื่อโอนเงินไปให้มิจฉาชีพแล้ว ให้รีบติดต่อกับสถาบันการเงิน หรือธนาคารในทันที เพื่อขอทำการอายัดบัญชีธนาคารของคนร้าย 8. ระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยาก เพื่อป้องกันการถูกแฮก หรือเข้าถึงบัญชีสื่อสังคมออนไลน์

(อ่านเพิ่ม)

เปิด 4 ช่องทาง แจ้งเบาะแสจับทุจริตเลือกตั้ง รับรางวัล สูงสุด 1 ล้านบาท

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดช่องทางแจ้งข้อมูลเบาะแสการทุจริตเลือกตั้ง ส.ส. เงินรางวัลผู้แจ้งเบาะแสตั้งแต่ 100,000 - 1,000,000 บาท สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นการทุจริตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้ทนราษฎร มีการแจกเงินแจกสิ่งของเพื่อจูงใจให้เลือก หรือพบการทุจริตทุกรูปแบบที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง สามารถแจ้งเบาะแสกับ กกต. ผ่าน 4 ช่องทาง ช่องทางการแจ้งเบาะแสทุจริต 1. แอปพลิเคชันตาสับปะรด สามารถแจ้งเบาะแสได้ทั้งข้อความ ภาพ เสียง หรือคลิปวิดีโอ ผ่านเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือดาวน์โหลดผ่าน App Store : apps.apple.com/th/ และ Google Play play.google.com/store/apps 2. ศูนย์รับแจ้งเบาะแสทุจริตการเลือกตั้ง โทร.021418860 021418579 และ 021418858 3. สายด่วน กกต. โทร.1444 4. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด และ กรุงเทพมหานคร หากเบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนจะได้รับเงินรางวัลสนับสนุนตั้งแต่ 100,000 -1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับความสำคัญของข้อมูล และต้องไม่มีเจตนาหรือจงใจกลั่นแกล้ง เพื่อทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสื่อมเสีย หรือ เสียหาย รวมทั้งต้องไม่แจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ ทั้งนี้ กกต.ได้ประสานความร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติในการรักษาความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้แจ้งข้อมูลการทุจริตการเลือกตั้ง สำหรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้ง สามารถติดตามได้ที่ www.ect.go.th หรือ ไลน์ ECT Thailand

(อ่านเพิ่ม)

ข้อควรรู้ เกี่ยวกับบัตรเลือกตั้ง

เมื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้งมีข้อห้ามหลายประการที่ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายมีโทษทั้งจำและปรับ โดยมีข้อห้ามดังนี้ 1. ห้ามใช้บัตรอื่นที่ไม่ใช่บัตรเลือกตั้งที่ได้รับจากเจ้าพนักงาน 2. ห้ามนำบัตรเลือกตั้งใส่ในหีบบัตรเลือกตั้ง โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือกระทำการใดให้มีบัตรเลือกตั้งเพิ่มจากความจริง 3. ห้ามนำบัตรเลือกตั้งออกจากหน่วยเลือกตั้ง 4. ห้ามทำเครื่องหมายอื่นหรือสัญลักษณ์ในบัตรเลือกตั้ง 5. ห้ามถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว 6. ห้ามแสดงบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วต่อผู้อื่น 7. ห้ามทำให้บัตรเลือกตั้งชำรุดเสียหาย หรือทำบัตรเสียให้เป็นบัตรที่ใช้ได้ อย่าลืม ‼️ ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 เวลา 8.00-17.00 น. ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง #nnt #สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #เลือกตั้ง66 #ไทยโหวตคนไทยพร้อมใช้สิทธิ #เลือกตั้ง

(อ่านเพิ่ม)

เตือนอากาศร้อนอาหารบูดเร็ว พบป่วยแล้ว 2.7 หมื่นคน

อาหารเป็นพิษ ป่วยแล้ว 2.7 หมื่นคน กลุ่มเด็กเล็กป่วยมากสุด เตือนอากาศร้อนอาหารบูดเร็ว คาดผู้ป่วยจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากเชื้อโรคปนเปื้อนเข้ากระแสเลือด อันตรายถึงชีวิต กรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษ ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.- 12 เม.ย. 66 พบผู้ป่วย 27,405 คน จาก 76 จังหวัด อัตราป่วย 41.42 ต่อประชากรแสนคน ไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 อันดับ คือ - ช่วงอายุ 0-4 ขวบ พบมากถึง 14.19% - ช่วงอายุ 15-24 ปี พบ 13.34% - ช่วงอายุ 25-34 ปี พบ 12.82% การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้ คาดว่าจะพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษสูงต่อเนื่อง อีกทั้งช่วงนี้ประเทศไทยมีอากาศร้อนจัด ส่งผลให้อาหารบูดเร็ว อาจมีสารพิษและแบคทีเรียปนเปื้อน สาเหตุโรค "อาหารเป็นพิษ" ระบาด "โรคอาหารเป็นพิษ" หรือ อาการท้องร่วง ระบาดต่อเนื่องในช่วงฤดูร้อนเนื่องจากอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้อาหารต่างๆ บูดเร็ว และอาจมีสารพิษ หรือแบคทีเรียปนเปื้อน รวมถึงน้ำดื่มและน้ำแข็งที่มีกระบวนการผลิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ส่วนใหญ่มักเกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อน ในกลุ่มคนที่มีการรับประทานอาหารและน้ำร่วมกัน อาการของผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ - คลื่นไส้ อาเจียน - ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเหลว ถ่ายเป็นน้ำหรือมีมูกเลือด หากถ่ายอุจจาระเหลวมากอาจหมดสติได้ - ปวดศีรษะ มีไข้ - คอแห้งกระหายน้ำ - หากเชื้อโรคปนเปื้อนเข้าไปในกระแสเลือด อาการจะรุนแรงขึ้น อาจอันตรายถึงชีวิตได้ วิธีปฐมพยาบาลโรค"อาหารเป็นพิษ" - จิบสารละลายเกลือแร่ โอ อาร์ เอส บ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ - รับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แกงจืด - งดอาหารรสจัด เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ของหมักดองต่าง ๆ - ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว กรมควบคุมโรค แนะนำให้เลือกซื้ออาหารที่สด สะอาด รูป รส กลิ่น สี ไม่ผิดปกติ ล้างทำความสะอาดก่อนนำมาปรุง ประกอบอาหารด้วยความร้อนให้สุกอย่างทั่วถึง ไม่รับประทานอาหารดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ อาหารที่ปรุงไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง นำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนรับประทานทุกครั้ง เลือกบริโภคอาหาร น้ำและน้ำดื่มที่สะอาดมีเครื่องหมาย อย.

(อ่านเพิ่ม)

เตือนสติคนหัวร้อน โทษทำร้ายร่างกาย ปรับสูงสุด 10,000 บาท จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ กฎหมายน่ารู้ 2566 “ทำร้ายร่างกาย” ผู้อื่นแบบไหน รับโทษยังไงบ้าง💥

จากกรณีข่าวทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นหลายๆ ครั้ง อาจทำให้หลายคนคิดว่าค่าปรับทำร้ายร่างกายแค่ 500 บาท แต่ความจริงแล้ว การทำร้ายร่างกายผู้อื่น มีกฎหมายลงโทษผู้กระทำความผิดอยู่หลายมาตรา หากอธิบายง่าย ๆ จะเป็น 3 ขั้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความร้ายแรงที่เกิดขึ้น และความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1. ทำร้าย ร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ • เช่น การทำร้ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เกิดบาดแผล เป็นต้น • ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ป.อาญา ม.391) • มีอายุความ 1 ปี 2. ทำร้าย ร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ • เช่น ทำให้ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผล หรือฟกช้ำ เป็นต้น • ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ป.อาญา ม.295) • มีอายุความ 10 ปี 3. ทำร้าย ร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส • เช่น ตาบอด หูหนวก เสียอวัยวะใด ๆ หรือต้องรักษาตัวเกินกว่า 20 วัน จิตพิการอย่างติดตัว เสียโฉม ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต เป็นต้น • ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท (ป.อาญา ม.297) • มีอายุความ 15 ปี ซึ่งความผิดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้ เนื่องจาก เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งถึงแม้ผู้เสียหายจะยินยอม หรือไม่ติดใจเอาความ แต่ผู้กระทำผิดก็ยังต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ข้อมูล : ตำรวจสอบสวนกลาง #ทำร้ายร่างกายไม่ได้จบที่จ่ายค่าปรับเสมอไป

(อ่านเพิ่ม)

ค่าคุณภาพอากาศ PM2.5 จ.สุโขทัย อยู่ที่ 60 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

คำแนะนำสุขภาพ 😷ประชาชนและกลุ่มเสี่ยง (เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวระบบทางเดินหายใจ) ‼️‼️โปรดควรเฝ้าระวังสุขภาพ หลีกเลี่ยง หรือ ลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง โปรดสวมหน้ากากอนามัย N95 หรือ หน้ากากอนามัยทั่วไป 2 ชั้นให้แนบใบหน้าและแก้ม 👨‍⚕️หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์

(อ่านเพิ่ม)

ยอมรับคุกกี้และนโยบายความเป็นส่วนตัว เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่องและอำนวยความสะดวกในการใช้งานเว็บไซต์ รวมถึงช่วยให้เราปรับปรุงการนำเสนอเนื้อหาตรงตามความต้องการของท่าน โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน (นโยบายความเป็นส่วนตัว)